ทางเลือกในการลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน RMF และ SSF นั้น จะมีข้อดีคือนอกจากจะลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันชีวิตประเภทบำนาญและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว) ยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้

ด้วยข้อจำกัดของกองทุน RMF เองที่จะไม่สามารถขายได้ก่อนอายุ 55 ปี และ SSF ที่ต้องถือไว้ 10 ปีขึ้นไป ทำให้ปลอดภัยจากความผันผวนระยะสั้นได้ระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นกองทุนรวมทั่วไปที่สามารถขายออกได้ตลอดเวลา นักลงทุนอาจตัดสินใจขายออกมาก่อนในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เป็นผลให้เกิดการขาดทุนหนักได้

อย่างไรก็ดี เมื่อนำความรู้เรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคลมาพิจารณาร่วมด้วย การวางแผนลดภาษีด้วยกองทุน RMF และ SSF นั้นจะพิจารณาร่วมกับเป้าหมายการลงทุนทั้งหมดโดยแบ่งเป็นเป้าหมายการเงินระยะสั้น กลางและยาว พิจารณาจากกระแสเงินสด ทรัพย์สิน หนี้สิน และเป้าหมายต่างๆ ในชีวิต

ต้องแน่ใจก่อนว่า เงินที่จะนำไปวางแผนซื้อกองทุน RMF หรือ SSF นั้น จะเป็นเงินเย็นที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในระยะสั้นแน่ๆเพื่อป้องกันปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นจากสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์การลงทุนประเภทต่างๆ

เมื่อแน่ใจในงบประมาณที่เหมาะสมแล้ว ก็จึงนำไปเชื่อมโยงกับเป้าหมายการสะสมเงิน อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ จำนวนปีที่มีระยะเวลาให้เงินทำงานผ่านกองทุน ความเต็มใจในการรับความเสี่ยงต่างๆ เพื่อวางแผนกำหนดลักษณะพอร์ทกองทุนที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล

เมื่อพิจารณาเรื่องทั้งหมดเหล่านี้จะเห็นว่าการวางแผนกองทุน RMF และ SSF นั้น ไม่ใช่ประเด็นเรื่องภาษีเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องสำคัญๆต่างๆ ในแผนการเงินด้วย